เปิดเวบเมื่อ |
17/01/2557 |
ปรับปรุงเวบเมื่อ |
16/01/2562 |
ผู้ชมทั้งหมด |
|
|
สินค้าทั้งหมด |
294 |
|
|

|
|
บทความ
ชนิดของปั๊มลมและวิธีการเลือกใช้ปั๊มลม (อ่าน 7599/ตอบ 4)
ชนิดของปั๊มลมและวิธีการเลือกใช้ปั๊มลม
ปั๊มลม หรือ เครื่องอัดลม (Air Compressor)
เครื่องมืออุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับศูนย์บริการรถยนต์ อู่ซ่อมรถ
โรงงานอุตสาหกรรม หรือ แม้แต่ร้านซ่อมจักรยาน ขนาดของปั๊มลม และ
การจัดการระบบลมจะแตกต่างกันไป รวมถึงลักษณะของงานที่ทำอยู่ด้วย
ส่วนเครื่องมือที่ต้องใช้ควบคู่ไปกับปั๊มลม ก็ได้แก่
ปืนลม,ส่วานลม,ไขควงลม,บล๊อกลม,เครื่องยิงตะปู,ถังฉีดโฟม,เครื่องขัดสี,กา
พ่นสี หรือแม้แต่เครื่องมืออุปกรณ์ในการผลิต ในโรงงานอุตสาหกรรม
เราจึงต้องเลือกใช้ปั๊มลมให้เหมาะสมกับงาน
ชนิดของเครื่องอัดลม
1.ปั๊มลมแบบลูกสูบ (Piston Compressor) สามารถแบ่งตามลักษณะการทำงานได้ 2 ชนิด
1.1 ปั๊มลมลูกสูบอัดชั้นเดียว (Single Stage)
ปั๊มลมแบบนี้จะทำหน้าที่ดูดและอัดอากาศ แล้วส่งออกไปใช้งานหรือเข้าถังเก็บ
ซึ่งสามารถสร้างแรงดันใช้งานอยู่ในช่วง 7-10 บาร์ หรือ 101-145 psi
ปั๊มลมชนิดนี้ เหมาะสำหรับ การใช้งานกับเครื่องมือลมปกติ หรือ
ใช้เติมลมยางรถยนต์ทั่วไป รวมทั้งใช้ในร้านคาร์แคร์อีกด้วย
เพราะโดยทั่วไปเครื่องมือที่ใช้ จะมีความต้องการแรงดันไม่เกิน 5-6 บาร์
อยู่แล้ว
 |
ปั๊มลมซิงเกิ้ลสเตจ แบบทั่วไป |
1.2 ปั๊มลมลูกสูบอัดสองชั้น (Two Stage) ปั๊มลมลูกสูบชนิดนี้
จะทำงานโดยให้ลูกสูบแรกอัดอากาศความดันต่ำผ่านท่อระบายความร้อน
ลูกสูบที่สองก็จะทำการอัดอากาศให้มีความดันสูงอีกครั้ง
เพื่อให้ได้แรงดันมากกว่า 10 บาร์ขึ้นไปประมาณ 12-16 บาร์ หรือ 174-220 psi
 |
จุดสังเกตุ ปั๊มลมทูสเตจ หรือ ปั๊มลมไฮเพรชเชอร์ แรงดัน 12-15 บาร์ |
วิธีการเลือกใช้ปั๊มลม
หลักการง่ายๆในการเลือกใช้ปั๊มลมให้เหมาะสมกับงานที่ต้องใช้ คือ เลือกจากลักษณะของงานซ่อมรถยนต์สามารถแบ่งเป็นประเภทการทำงานได้ 3 ประเภทดังนี้
1.งานพ่นสี
งานประเภทงานซ่อมสีจะใช้เครื่องมือที่ต้องใช้ลมในการทำงานเยอะกว่าประเภทอื่นๆ
และในการใช้งานเครื่อง
มือลมแต่ละครั้งจะใช้เป็นเวลานานจึงจำเป็นต้องใช้ลมในปริมาณที่มากพอสมควร
รวมถึงต้องใช้พื้นที่ในการทำงานมากทำให้ขนาดของอู่หรือศูนย์บริการมีขนาด
ใหญ่
การจัดการระบบลมจะต้องมีการคำนวณจากระยะพื้นที่และการใช้ปริมาณลมเพื่อใช้ในการเดินท่อลมและการเลือกขนาดของถังพักลม
2.ช่วงล่างและยาง
งานประเภทช่วงล่างและยางจะมีเครื่องมือค่อนข้างเยอะ แต่เครื่องมือเหล่านี้จะต้องใช้ลมที่มีแรงดันสูงเช่นใช้กับ เครื่องถอดยาง ,บล็อกลม , เครื่องเติมลมยาง
โดย เฉพาะศูนย์บริการที่ทำรถบรรทุกใหญ่ต้องใช้แรงดันลมที่มากพอสมควร
แต่การทำงานของเครื่องมือแต่ละตัวจะใช้เวลาไม่มาก
ปริมาณลมที่ใช้จะน้อยกว่าประเภทงานสี
3. ประเภทเครื่องยนต์และทั่วไป
งาน
ประเภทซ่อมเครื่องยนต์และซ่อมทั้วไปจะมีการใช้เครื่องมือลมค่อนข้างน้อย
เครื่องมือส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นประเภท HAND TOOLS และเครื่องมือพิเศษ
ปริมาณการใช้ลมจึงน้อยกว่า 2 ประเภทแรก
การเลือกขนาดของปั๊มลมในลักษณะงานประเภทนี้จะแบ่งเป็น 4 ขนาด
การเลือกขนาดของปั๊มลมจะแบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้
- อู่ขนาดเล็ก ให้เลือก ปั๊มลมขนาด 3 แรงม้า ขนาดถัง 245 ลิตรขึ้นไปกระแสไฟมีทั้ง 220 Volt และ 380 Volt แล้วแต่ระบบไฟฟ้าที่มี ซึ่งแนะนำให้ใช้ 380 Volt
- อู่ขนาดกลาง
ให้เลือก ปั๊มลมขนาด 5 แรงม้า ขึ้นไปขนาดถัง 304 ลิตร ถ้ามีเครื่องมือซ่อม
ขนาดใหญ่ หรือ ใช้งานพร้อมกันหลายจุด ควรเลือกขนาด 7.5 แรงม้าถัง 304
ลิตร กระแสไฟควรเป็น 380 Volt เนื่องจากหากจะใช้ไฟ 220 Volt ราคาของมอเตอร์จะมีราคาสูงกว่าปกติ
- อู่ขนาดใหญ่หรือศูนย์บริการ ให้เลือก ปั๊มลมขนาด 10- 15 แรงม้า ถัง 300 - 500 ลิตร พร้อม ถังพักลม
ขนาด 500-1000 ลิตร
เนื่องจากมีการใช้งานลมอย่างต่อเนื่องครั้งละมากๆจึงควรเลือกขนาดนี้
เพื่อรักษาแรงดันในการใช้งานให้คงที่ตลอดเวลา
หมายเหตุ : การเลือกขนาดของปั๊มลมดังกล่าวสามารถเพิ่มหรือลดได้ตามสภาพการใช้งานจริง
http://akarasolution.blogspot.com/2014/06/blog-post.html |
ความคิดเห็นที่ 0 I was really confused, and this answered all my qustniose. |
Debbie (31/03/2558 09:03:49) IP. 5.19.236.xxxxxx ความคิดเห็นที่ 1 Rahul (01/04/2558 17:41:39) IP. 175.198.120.xxxxxxxx ความคิดเห็นที่ 2 Yusuf (04/04/2558 04:47:01) IP. 52.4.144.xxxxxx ความคิดเห็นที่ 3 Prema (06/04/2558 05:56:10) IP. 186.91.164.xxxxxx
|
|
ปกติ 200,000.00 บ. พิเศษ 170,000.00 บ. |
ปกติ 45,000.00 บ. พิเศษ 40,500.00 บ. |
ปกติ 33,000.00 บ. พิเศษ 28,050.00 บ. |
ปกติ 54,000.00 บ. พิเศษ 35,000.00 บ. |
ปกติ 65,000.00 บ. พิเศษ 60,000.00 บ. |
ปกติ 150,000.00 บ. พิเศษ 120,000.00 บ. |
ปกติ 55,000.00 บ. พิเศษ 44,000.00 บ. |
|
|
|
|